วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2557

i Need to Know

i Need to Know


iPhone 6 Plus กับ iPhone 6 ศึกเจ้าแห่ง iPhone ใครจะอยู่ใครจะไป รู้กัน!!!

Posted: 13 Sep 2014 02:49 AM PDT

ถือว่ามาตามสัญญากันเลยทีเดียวนะคะ สำหรับงานเปิดตัว iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ที่งานนี้ทำเอาหลายคนงงว่า Apple กำลังจะทำอะไรอีก แล้วเจ้า iPhone 6 ทั้ง 2 รุ่นนี้ มันจะต่างกันยังไงบ้าง รุ่นไหนจะน่าสนใจมากกว่ากัน iNeedtoKnow จัดให้ค่ะ ศึกเจ้าแห่ง iPhone 6 ใครจะอยู่ใครจะไปรู้กัน!!!

เทียบ iPhone6vsiPhone6Plus

 มาเริ่มกันที่ขนาดตัวเครื่องและหน้าจอกันเลยดีกว่า
แน่นอนว่าหากกล่าวถึงเรื่องขนาด iPhone 6 คงจะสู้ศิษย์พี่อย่าง iPhone 6 Plus ไม่ได้แน่ๆ แต่เรื่องน้ำหนัก iPhone 6 เบากว่ามากค่ะ แต่เรื่องขนาดนั้นอาจจะดูไม่สำคัญ เพราะผู้ใช้บางคนก็ไม่ชอบมือถือที่มีขนาดใหญ่ ส่วนเรื่องของหน้าจอ iPhone 6 มาพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาด 4.7 นิ้ว ในขณะที่ iPhone 6 Plus มีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว สิ่งสำคัญอยู่ที่ความละเอียดภาพ โดย iPhone 6 ความละเอียดภาพอยู่ที่ 1,334 x 750 พิกเซล ส่วน iPhone 6 Plus มาพร้อมความละเอียดภาพ 1,920 x 1,080 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซลไอโฟน 6 อยู่ที่ 326 ppi ส่วนไอโฟน 6 พลัส อยู่ที่ 401 ppi ก็ถือว่าพอสู้กันได้แบบสูสี ไม่ต่างกันมาก หากใครไม่ซีเรียสเรื่องหน้าจอที่จะต้องคมชัดขั้นเทพ ตามไปดูข้อต่อไปได้เลยค่ะ

iphone6-width

 ส่วนต่อมาก็คือ กล้อง
เป็นส่วนประกอบหลักที่คนส่วนใหญ่เมื่อต้องการเลือกสมาร์ทโฟนสักเครื่องหนึ่ง ก็ขาดไม่ได้ที่จะต้องพิจารณาเรื่องกล้องก่อนเป็นอันดับแรก ก็ว่าไม่ได้ ช่วงนี้โซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆกำลังมาแรง เดี๋ยวไม่มีรูปสวยๆไว้อวดเพื่อนๆ เริ่มกันเลย! iPhone 6 ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลเหมือนกัน แถมกล้องหน้าก็เท่ากันที่ 2.1 ล้านพิกเซล แล้วมันต่างกันยังไง!!! เจ้า iPhone 6 รุ่นธรรมดามาพร้อมคุณสมบัติป้องกันภาพสั่นไหว (digital image stabilization) ในขณะที่ iPhone 6 Plus นั้นถูกพัฒนาให้มีคุณสมบัติที่เหนือกว่า (optical image stabilization) ทำให้ถ่ายภาพได้คมชัดกว่าในความละเอียดที่เท่ากัน

เทียบ iPhone6vsiPhone6Plus_camera

 แบตเตอรี่ ของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus
iPhone 6 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 1800 mAh สแตนด์บายได้ 10 วัน สามารถฟังเพลงได้ต่อเนื่องถึง 50 ชั่วโมง เล่นวิดีโอได้นาน 11 ชั่วโมง เล่นเน็ตผ่าน Wi-Fi ได้ 11 ชั่วโมง และเล่นผ่าน LTE ได้ 10 ชั่วโมง ส่วนพี่บิ๊กอย่าง iPhone 6 Plus มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 2,915 mAh และแม้จะมาพร้อมจอที่ใหญ่กว่าแต่ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน สแตนด์บายได้ 16 วัน สามารถฟังเพลงได้ 80 ชั่วโมง เล่นวิดีโอได้ 14 ชั่วโมง และเล่นเน็ตผ่าน Wi-Fi หรือ LTE ได้ 12 ชั่วโมงต่อเนื่อง

หน่วยประมวลผล ของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus

ในส่วนของชิปประมวลผลนั้นทั้ง iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จะมาพร้อมกับชิป Apple A8 สถาปัตยกรรมแบบ 64Bit ที่มีความเร็วมากกว่ารุ่นก่อนหน้า 20% และ สามารถประมวลผลกราฟฟิคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 50% เลยทีเดียว นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับชิป Apple M8 ที่ถูกปรับปรุงใหม่ ซึ่งชิป M8 นั้นจะเป็นชิปสำหรับตรวจจับการเครื่องไหวในรูปแบบต่างๆ ซึ่งถูกพัฒนาให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น

เทียบ iPhone6vsiPhone6Plus_conection

 การเชื่อมต่อ ของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus

ต้องขอบอกเลยว่าคงจะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เหมือนกันอย่างกับแกะ หรือเรียกง่ายๆว่า ไม่ต่างกันเลยสักนิดนั่นแหล่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็น WiFi 802.11 a/b/g/n/ac ที่สามารถเป็น จุดกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตแบบพกพา (Portable Wi-Fi Hotspot) รวมทั้งการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth 4.0 ที่มาพร้อมกับรองรับชุดหูฟังสเตอริโอ (A2DP Bluetooth™ Stereo) อีกทั้งฟีเจอร์เด็ดๆอย่างการรองรับ NFC (Near Field Communication)รวมไปถึง USB Port ก็จัดมาเต็มเหมือนกันค่ะ

 การเล่นเสียง

ทั้ง iPhone 6 และ iPhone 6 Plus นั้นรองรับ รูปแบบไฟล์เสียงดังนี้ : AAC (8 ถึง 320 Kbps), Protected AAC (จาก iTunes Store), HE-AAC, MP3 (8 ถึง 320 Kbps), MP3 VBR, Audible (formats 2, 3, 4, Audible Enhanced Audio, AAX และ AAX+), Apple Lossless, AIFF และ WAV โดยผู้ใช้สามารถกำหนดระดับเสียงสูงสุดเองได้

iphone 6

 สรุป iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ใครแจ่มกว่ากันล่ะ
งานนี้หากมองภาพรวมก็คงต้องพูดเลยว่า “พี่ใหญ่ไฉไลกว่า” ล่ะค่ะ เพราะเท่าที่ดุสเปคแล้ว iPhone 6 Plus ชนะเห็นๆ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ที่ความจุเยอะกว่าใช้งานได้ยาวนานกว่ากล้องก็แจ่มกว่าเห็นๆ แถมหน้าจอยังใหญ่กว่าอีกด้วย แต่!!! หากมองถึงความคุ้มค่า iPhone 6 ธรรมดาก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ด้วยราคาที่แน่นอนว่าต่ำกว่า iPhone 6 Plus และถึงแม้เราจะเห็นว่าทั้ง 2 รุ่นมีความแตกต่างกัน แต่ก็ถือว่าไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ iPhone 6 สเปคก็ถือว่าแจ่มพอสมควร เอาเป็นว่า “หากงบไม่จำกัดก็จัด iPhone 6 Plus แต่หากงบจำกัดแค่ iPhone 6 ก็แจ่มพอแล้วค๊าาา”

หรืออาจจะเทียบความสามารถด้านอื่นๆได้ตามตารางด้านล่างได้ค่ะ

iPhone 6 total

iPhone 6

iPhone 6 Plus+

iPhone 6 Plus

ข้อมูลเครือข่าย (Network)
เครือข่าย GSM 850/900/1800/1900 MHz GSM 850/900/1800/1900 MHz
UMTS 850/900/1900/2100 MHz UMTS 850/900/1900/2100 MHz
เทคโนโลยีการรับ/ส่งข้อมูล 2G: EDGE/GPRS 2G: EDGE/GPRS
3G: HSDPA 42 Mbps, HSUPA 5.76 Mbps 3G: HSDPA 42 Mbps, HSUPA 5.76 Mbps
4G: LTE DL 150 Mbps, LTE UL 50 Mbps 4G: LTE DL 150 Mbps, LTE UL 50 Mbps
ซิมการ์ด Nano-SIM Nano-SIM
ข้อมูลตัวเครื่อง
โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน แฟบเล็ต
จอแสดงผล Retina Display 16 ล้านสี Retina Display 16 ล้านสี
ระบบสัมผัส Multi-Touch ระบบสัมผัส Multi-Touch
กว้าง 4.7 นิ้ว (แนวทะแยง) กว้าง 5.5 นิ้ว (แนวทะแยง)
ความละเอียด 750 x 1334 พิกเซล (326 ppi) ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล (401 ppi)
Capacitive Capacitive
ระบบเซ็นเซอร์ (Sensor) เซ็นเซอร์ยืนยันตัวบุคคลด้วยลายนิ้วมือ (Touch ID) เซ็นเซอร์ยืนยันตัวบุคคลด้วยลายนิ้วมือ (Touch ID)
ระบบหมุนภาพอัตโนมัติ (Accelerometer) ตรวจจับแสงปรับความสว่างอัตโนมัติ (Ambient light)
ตรวจจับแสงปรับความสว่างอัตโนมัติ (Ambient light) ตรวจจับความเคลื่อนไหวของตัวเครื่อง (Accelerometer)
ระบบเปิด/ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนา (Proximity) ระบบเปิด/ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนา (Proximity)
ระบบเซนเซอร์หมุนภาพ 3 แกน (Three-axis gyroscope) ระบบเซนเซอร์หมุนภาพ 3 แกน (Three-axis gyroscope)
ระบบวัดความกดอากาศ (Barometer) ระบบวัดความกดอากาศ (Barometer)
มีสีให้เลือก (Colors) White, Gray, Gold White, Gray, Gold
ระบบปฏิบัติการ (OS, CPU) ระบบปฏิบัติการ: iOS 8 ระบบปฏิบัติการ: iOS 8.xx
หน่วยประมวลผล Apple A8 (64-bit) Dual Core Apple A8 (64-bit) Dual Core
ความเร็ว : (ไม่มีระบุ) ความเร็ว : (ไม่มีระบุ)
หน่วยความจำ 16 GB , 64GB ,128GB (ตัวเครื่อง) 16 GB , 64GB ,128GB (ตัวเครื่อง)
RAM 1GB RAM 2GB
คุณสมบัติเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ผลิตจากวัสดุที่ปราศจาก PVC, นิกเกิลบนพื้นผิวผลิตภัณฑ์, , แอนติโมนี ไตรออกไซด์ ผลิตจากวัสดุที่ปราศจาก PVC, นิกเกิลบนพื้นผิวผลิตภัณฑ์, , แอนติโมนี ไตรออกไซด์
ระบบเชื่อมต่อ
การหาตำแหน่ง Assisted GPS and GLONASS Assisted GPS
การเชื่อมต่ออื่นๆ WiFi 802.11 a/b/g/n/ac WiFi 802.11 a/b/g/n/ac
จุดกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตแบบพกพา (Portable Wi-Fi Hotspot) จุดกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตแบบพกพา (Portable Wi-Fi Hotspot)
Bluetooth 4.0 Bluetooth 4.0
รองรับชุดหูฟังสเตอริโอ (A2DP Bluetooth™ Stereo) รองรับชุดหูฟังสเตอริโอ (A2DP Bluetooth™ Stereo)
รองรับ NFC (Near Field Communication) รองรับ NFC (Near Field Communication)
USB Port USB Port
ช่องเสียบชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ช่องเสียบชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
ใช้งานอินเตอร์เน็ต ใช้งานอินเตอร์เน็ต
รองรับบราวเซอร์ Safari รองรับบราวเซอร์ Safari
รองรับภาษา HTML รองรับภาษา HTML
รับ-ส่งข้อความ (Messaging) SMS, MMS รับ-ส่งข้อความ (Messaging) SMS, MMS
ฟังก์ชั่นมัลติมีเดีย
กล้องดิจิตอล 8 ล้านพิกเซล (Digital Camera) 8 ล้านพิกเซล (Digital Camera)
ฟีเจอร์กล้อง รูรับแสงขนาด ƒ/2.2 รูรับแสงขนาด ƒ/2.2
พร้อมแฟลช พร้อมแฟลช
ซูมดิจิตอล (Digital Zoom) ซูมดิจิตอล (Digital Zoom)
ขนาดภาพสูงสุด 3264 x 2448 พิกเซล (Image Size) ขนาดภาพสูงสุด 3264 x 2448 พิกเซล (Image Size)
โฟกัสอัตโนมัติ (Auto Focus) โฟกัสอัตโนมัติ (Auto Focus)
แตะเลือกจุดโฟกัส (Touch Focus) แตะเลือกจุดโฟกัส (Touch Focus)
แนบตำแหน่งบนแผนที่ไปกับภาพถ่าย (Geo-Tagging) แนบตำแหน่งบนแผนที่ไปกับภาพถ่าย (Geo-Tagging)
ค้นหาใบหน้าอัตโนมัติ (Face Detection) ค้นหาใบหน้าอัตโนมัติ (Face Detection)
ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (Shake Reduction) ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (Shake Reduction)
ตรวจจับรอยยิ้ม (Smile Detection) ตรวจจับรอยยิ้ม (Smile Detection)
โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า (Panorama) โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า (Panorama)
โหมดถ่ายภาพช่วงการรับแสงสูง (HDR) โหมดถ่ายภาพช่วงการรับแสงสูง (HDR)
กล้องหน้า (Front Camera) ความละเอียด 1.2 MP ความละเอียด 1.2 MP
รูรับแสงขนาด ƒ/2.2 รูรับแสงขนาด ƒ/2.2
บันทึกวีดีโอ ภาพเคลื่อนไหว (Video Recording) ความละเอียด HD 1080 x 1920 พิกเซล ความละเอียด HD 1080 x 1920 พิกเซล
การโทร และ ฟังก์ชั่นพื้นฐาน ใช้งานเครื่องโดยไม่เปิดสัญญาณโทรศัพท์ (Flight Mode) ใช้งานเครื่องโดยไม่เปิดสัญญาณโทรศัพท์ (Flight Mode)
แบตเตอรี่
แบตเตอรี่มาตรฐาน Li-Pol 1,810 mAh (Standard Battery) Li-Pol 2,915 mAh (Standard Battery)
การใช้งานแบตเตอรี่ เปิดรอรับสาย 3G 10 วัน (Standby Time) เปิดรอรับสาย 3G 16 วัน (Standby Time)
สนทนาต่อเนื่อง 3G 14 ชั่วโมง (Talk Time) สนทนาต่อเนื่อง 3G 24 ชั่วโมง (Talk Time)
ใช้งาน Wi-Fi ต่อเนื่อง 11 ชั่วโมง ใช้งาน Wi-Fi ต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง
ใช้งาน 3G ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง ใช้งาน 3G ต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง
ชมวีดีโอนานต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง (Video playback time) ชมวีดีโอนานต่อเนื่อง 14 ชั่วโมง (Video playback time)
ฟังเพลงต่อเนื่อง 50 ชั่วโมง (Music playback time) ฟังเพลงต่อเนื่อง 80 ชั่วโมง (Music playback time)

แจก iOS 8 wallpapers ดาวน์โหลด ไว้ใช้ก่อนใคร

Posted: 12 Sep 2014 10:24 PM PDT

Download iOS-8 wallpapersรีบดาวน์โหลดด่วนไว้ใช้ก่อนใคร iOS 8 wallpapers สำหรับรูปร่างหน้าตาของ wallpapers นี้ เพื่อนๆคงได้เห็นผ่านตามาบ้างแล้วจากการเปิดตัว iphone 6 ที่ผ่านมา

Wallpapers IOS 8 ถูกออกแบบโดย JasonZigrino สามารถดาวน์โหลดไปใช้กับ iPhone 5 / 5c / 5s. และ ipad

Wallpapers เหล่านี้จะถูกใส่ไว้ในระบบปฏิบัติการ ios 8 ที่จะเปิดตัวในวันที่ 17 กันยายนนี้ แต่เพื่อนๆ สามารถดาวน์โหลด wallpapers นี้ได้ไว้ใช้ก่อนใครโดยที่ไม่ต้องอัพเป็น ios 8 ตามลิงค์ด้านล่างเลย

Wallpapers สำครับ iPhone 5 / 5c / 5s และ ipad

jasonzigrino-ios8gm-wallpapers-lines

แถวแรกตามรูป:
iPhone - 12345
iPad – 12345

แถวสองตามรูป:
iPhone - 12345
iPad – 12345

แถวสามตามรูป:
iPhone - 12 345
iPad – 12345

Download ทั้งหมด:

iPhone: http://ziggy19.deviantart.com/iphone
iPad: hhttp://ziggy19.deviantart.com/ipad

……………………..
ที่มา: http://www.idownloadblog.com/ios-8-wallpapers/

ใครเจ๋งกว่าไปดูกัน!!! iPhone 6 Plus กับ Samsung Galaxy Note 4 ไม่ได้มีดีแค่หน้าจอใหญ่

Posted: 12 Sep 2014 09:18 PM PDT

note4vsiphone6plus

ถือว่าเป็นคู่ชกที่สมน้ำสมเนื้อเลยทีเดียวนะคะ สำหรับ iPhone 6 Plus กับ Samsung Galaxy Note 4 ที่แม้แต่การเปิดตัวก็เลือกที่จะทำในช่วงเดียวกัน ก็ถือว่าใจตรงกันอย่างกับแกะเลยก็ว่าได้ แถมต่างก็ชูจุดเด่นที่หน้าจอที่ใหญ่อลังการงานสร้างอีกด้วย ใครที่เป็นสาวกสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่งาน รับรองว่างานนี้ต้องมีหนักใจกันบ้างล่ะ

 หน้าจอ

ของ Samsung Galaxy Note 4 ขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ Quad HD (2560×1440 พิกเซล 538 ppi) ในขณะที่ Apple iPhone 6 Plus หน้าจอ 5.5 นิ้ว แต่มีความละเอียดเพียงระดับ Full HD (1920×1080 พิกเซล 400 ppi)

 กล้องหลัก

ของ Samsung Galaxy Note 4 ความละเอียดสูงถึง 16 ล้านพิกเซล มาพร้อมแฟลช LED โฟกัสอัตโนมัติ พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว ในขณะที่ Apple iPhone 6 Plusใช้เซ็นเซอร์ใหม่ที่เรียกว่า Focus Pixels ที่ทำให้ออโต้โฟกัสที่รวดเร็วยิ่งกว่าเดิม, ระบบตรวจจับใบหน้าที่แม่นยำกว่าเดิม และการควบคุมค่าแสงที่ดียิ่งขึ้น iPhone 6 Plus จะมีฮาร์ดแวร์กันสั่น Optical Image Stabilization (OIS) ส่วนคุณภาพของกล้อง iPhone 6 Plus นั้น ต้องรอผลการทดสอบอีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร

samsung-galaxy-note-4-01

 กล้องหน้า
เริ่มกันที่ Samsung Galaxy Note 4 จะเป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นด้านการขีดเขียนเป็นหลัก แต่ล่าสุด ก็ได้เข้าสู่วงการ Selfie อย่างเป็นทางการอีกรุ่น ด้วยกล้องด้านหน้า ความละเอียด 3.7 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.9 นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Wide Selfie กับมุมมองกว้างถึง 120 องศา ถ่ายรูปกับกลุ่มเพื่อนได้สบายๆ ส่วนทางด้าน iPhone 6 Plus นั้นกล้องหน้าความละเอียดอยู่ที่ 1.2 MP มีรูรับแสงกว้างสูงสุด f/2.2 สามารถให้ภาพที่สว่างขึ้นมากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 81% เลยทีเดียว คุณจึงสามารถใช้งาน Facetime ได้อย่างคมชัดมากยิ่งขึ้น

การชาร์จแบตเตอรี่
Samsung Galaxy Note 4 นั้นประหยัดพลังงานได้มากกว่า แถมนอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน Fast Charging สามารถชาร์จได้ 50% ในเวลาแค่ 30 นาที เทียบกับรุ่นก่อนๆ ที่ต้องใช้เวลาถึง 55 นาที ในขณะที่ iPhone 6 Plus ไม่มีระบบชาร์จไวจ้า

 ฟีเจอร์เพื่อสุขภาพ
Samsung Galaxy Note 4 มาพร้อมกับเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งอยู่ตรงใต้กล้องด้านหลังตัวเครื่อง นอกจากจะวัดอัตราการเต้นของหัวใจแล้ว เซ็นเซอร์ดังกล่าว ยังสามารถใช้เป็นชัตเตอร์ในการถ่ายภาพด้วยกล้องด้านหน้าได้อีกด้วย ทางด้าน iPhone 6 Plus ก็ไม่น้อยหน้า มาพร้อมกับชิป M8 สำหรับประมวลผลเซ็นเซอร์ในด้านของการจับการเคลื่อนไหวหรือที่เรียกว่าโปรเซสเซอร์ร่วมสำหรับประมวลผลการเคลื่อนไหว ออกแบบมารองรับกับการใช้งานและอำนวยความสะดวกในด้านของฟิตเนสและสุขภาพ โดยสามารถจำแนกการตรวจจับระยะทาง การนับจำนวนก้าว ระยะทาง ระดับความสูง ระดับความกดอากาศด้วย Barometer และไจโนสโคปควบคู่กับชิป M8 โดยในขณะนี้แบรนด์ใหญ่อย่าง Nike ก็พร้อมอัพเดท Nike+ ให้รองรับการเทคโนโลยีทางด้านสุขภาพขอ iPhone 6 Plus อีกด้วย

iphone-6-plus-01

 

โดยสรุป เทียบสเปค iPhone 6 Plus กับ Samsung Galaxy Note 4

ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยนะคะว่าทั้งสองเจ้าต่างมีจุดเด่นที่หาตัวเทียบได้ยากจริงๆ แอดมินขอสรุปแบบกลางๆแล้วกันนะคะ ว่าหากใครที่ชื่นชอบระบบปฏิบัติการที่ใช้งานง่ายอย่างแอนดรอยด์ แถมยังชื่นชอบการถ่าย Selfie นอกจากนี้ยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็วแล้วล่ะก็เลือก Samsung Galaxy Note 4 เถอะค่ะของเค้าดีจริงๆ ส่วนใครที่ติดใจกับระบบปฏิบัติการ iOS ของทางแอปเปิ้ล แถมยังไม่ต้องอัพเดทเป็น iOS 8 เองด้วย และฟีเจอร์กล้องที่แจ่มกว่าเดิมที่ถึงแม้ความละเอียดจะน้อยไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาในการถ่ายรูปสวยๆ ก็ไม่ควรพลาดกับ iPhone 6 Plus ด้วยประการทั้งปวง ส่วนเรื่องขนาดหน้าจอ แอดมินให้คะแนนเท่ากัน เพราะหากคนที่ไม่ชอบหน้าจอใหญ่ๆ เพราะมันดูเทอะทะแล้วล่ะก็ ทั้งคู่ก็ดูเป็นสมาร์ทโฟนสเปคทั่วๆไปอยู่ดีแหล่ะค่ะ

แอดมินขอแนะนำให้ดูตารางเปรียบเทียบข้างล่างก่อนการตัดสินใจว่างานนี้ ใครเจ๋ง ใครเจ๊ง ตามไปดูกันเลยค๊าาาา

 

iPhone 6 PlusiPhone 6 Plus Galaxy Note 4Samsung Galaxy Note 4
ข้อมูลเครือข่าย (Network)
เครือข่าย GSM 850/900/1800/1900 MHz GSM 850/900/1800/1900 MHz
UMTS 850/900/1900/2100 MHz UMTS 850/900/1900/2100 MHz
เทคโนโลยีการรับ/ส่งข้อมูล 2G: EDGE/GPRS 2G: EDGE/GPRS
3G: HSDPA 42 Mbps, HSUPA 5.76 Mbps 3G: HSPA+ 42 Mbps
4G: LTE DL 150 Mbps, LTE UL 50 Mbps 4G: LTE DL 150 Mbps, LTE UL 50 Mbps
ซิมการ์ด ใช้งาน Nano-SIM Micro-SIM
ข้อมูลตัวเครื่อง
โทรศัพท์มือถือ แฟบเล็ต แฟบเล็ต
ขนาด 158.1 x 77.8 x 7.1 mm (6.22 x 3.06 x 0.28 in) 153.5 x 78.6 x 8.5 mm (6.04 x 3.09 x 0.33 in)
น้ำหนัก 172 g (6.07 oz) 176 g (6.21 oz)
Fingerprint sensor (Touch ID) Fingerprint sensor
S Pen stylus
จอแสดงผล Retina Display 16 ล้านสี Super AMOLED 16 ล้านสี
ระบบสัมผัส Multi-Touch ระบบสัมผัส Multi-Touch
กว้าง 5.5 นิ้ว (แนวทะแยง) กว้าง 5.7 นิ้ว (แนวทะแยง)
ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล (401 ppi) ความละเอียด 1440 x 2560 พิกเซล
Capacitive Capacitive
ระบบเซ็นเซอร์ (Sensor) เซ็นเซอร์ยืนยันตัวบุคคลด้วยลายนิ้วมือ (Touch ID) ปากกา Stylus สำหรับวาด, เขียน, ระบาย และรีทัชรูปภาพ
ตรวจจับแสงปรับความสว่างอัตโนมัติ (Ambient light) ระบบตรวจสอบลายนิ้วมือ (Finger Print)
ตรวจจับความเคลื่อนไหวของตัวเครื่อง (Accelerometer) ตรวจจับแสงปรับความสว่างอัตโนมัติ (Ambient light)
ระบบเปิด/ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนา (Proximity) ตรวจจับความเคลื่อนไหวของตัวเครื่อง (Accelerometer)
ระบบเซนเซอร์หมุนภาพ 3 แกน (Three-axis gyroscope) ระบบเปิด/ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนา (Proximity)
ระบบวัดความกดอากาศ (Barometer) ระบบตรวจจับคลื่นแม่เหล็ก (Geomagnetic)
ระบบเซนเซอร์หมุนภาพ (Gyroscope)
ระบบวัดความกดอากาศ (Barometer)
มีสีให้เลือก (Colors) White, Gray, Gold Black, White, Pink, Gold
ระบบปฏิบัติการ (OS, CPU) ระบบปฏิบัติการ: iOS 8.xx ระบบปฏิบัติการ: Android 4.4 (KitKat) with Note UI
หน่วยประมวลผล Apple A8 (64-bit) Dual Core 1.9GHz Quad + 1.3GHz Quad-Core (Octa Core)
ความเร็ว ไม่ระบุ 1.9 GHz
หน่วยความจำ 16 GB (ตัวเครื่อง) 32 GB (ตัวเครื่อง)
RAM 2GB RAM 3GB
หน่วยความจำภายนอก ไม่มี microSD สูงสุด 128 GB
คุณสมบัติเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ผลิตจากวัสดุที่ปราศจาก PVC, นิกเกิลบนพื้นผิวผลิตภัณฑ์, , แอนติโมนี ไตรออกไซด์ ไม่มี
ระบบเชื่อมต่อ
การหาตำแหน่ง Assisted GPS รองรับแอพพลิเคชั่น Google Maps™
การเชื่อมต่ออื่นๆ WiFi 802.11 a/b/g/n/ac WiFi 802.11 a/b/g/n/ac
จุดกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตแบบพกพา (Portable Wi-Fi Hotspot) จุดกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตแบบพกพา (Portable Wi-Fi Hotspot)
Infrared (IrDA)
Bluetooth 4.0 Bluetooth 4.1
รองรับ NFC (Near Field Communication) รองรับ NFC (Near Field Communication)
USB Port Micro USB 2.0
เชื่อมต่อแบบ MHL (Mobile High-Definition Link)
ช่องเสียบชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ช่องเสียบชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
ใช้งานอินเตอร์เน็ต ใช้งานอินเตอร์เน็ต
รองรับบราวเซอร์ Safari รองรับบราวเซอร์ Google Chrome
รองรับภาษา HTML
รับ-ส่งข้อความ (Messaging) SMS, MMS รับ-ส่งข้อความ (Messaging) SMS, MMS
ข้อความแชท Instant Messaging, Google Talk
สนับสนุน Gmail, Google Search
ฟังก์ชั่นมัลติมีเดีย
กล้องดิจิตอล 8 ล้านพิกเซล (Digital Camera) 16 ล้านพิกเซล (Digital Camera)
รูรับแสงขนาด ƒ/2.2 พร้อมแฟลช LED
โฟกัสอัตโนมัติ (Auto Focus) โฟกัสอัตโนมัติ (Auto Focus)
แตะเลือกจุดโฟกัส (Touch Focus) แตะเลือกจุดโฟกัส (Touch Focus)
ค้นหาใบหน้าอัตโนมัติ (Face Detection)
ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (Shake Reduction) ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (Shake Reduction)
ตรวจจับรอยยิ้ม (Smile Detection)
โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า (Panorama)
โหมดถ่ายภาพช่วงการรับแสงสูง (HDR) โหมดถ่ายภาพช่วงการรับแสงสูง (HDR)
กล้องหน้า (Front Camera) ความละเอียด 1.2 MP ความละเอียด 3.7 MP
รูรับแสงขนาด ƒ/2.2
บันทึกวีดีโอ ภาพเคลื่อนไหว (Video Recording) ความละเอียด HD 1080 x 1920 พิกเซล ความละเอียด 2160 x 3840 พิกเซล
รูปแบบไฟล์ : MPEG-4, WMV, H.264, H.263
รองรับวีดีโอจาก YouTube™
เครื่องเล่นเพลง (Music Player) รูปแบบไฟล์ : AMR-NB, AAC, AAC+, eAAC+, MP3, WMA, FLAC
การโทร และ ฟังก์ชั่นพื้นฐาน ใช้งานเครื่องโดยไม่เปิดสัญญาณโทรศัพท์ (Flight Mode) ใช้งานเครื่องโดยไม่เปิดสัญญาณโทรศัพท์ (Flight Mode)
แบตเตอรี่ แบตเตอรี่มาตรฐาน Li-Pol 2,915 mAh (Standard Battery) แบตเตอรี่มาตรฐาน 3,220 mAh (Standard Battery)

ภาพพื้นหลัง iphone 6 และ iphone 6 plus มาจากภาพถ่าย ของช่างภาพคนหนึ่ง

Posted: 12 Sep 2014 08:42 PM PDT

ภาพพื้นหลังของไอโฟน6 ฮิตกันชั่วข้ามคืมหลังจากที่เปิดตัว iphone 6 และ iphone 6 plus เพื่อนๆคงสังเกตเห็นว่าพืนหลังของไอโพน 6 เปลี่ยนไปมีภาพพื้นหลังคล้ายกับระบบปฏิบัตการแอนดรอยด์ หลายคนวิจารณ์ไปต่างๆ นาๆ และเริ่มได้มีการค้นหาต้นต่อภาพว่ามาจากที่ไหน จากการรายงานของเว็บไซต์ 9to5mac.com พบว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพถ่ายของช่างภาพคนหนึ่งที่ชื่อว่า Espen Haagensen

iphone6-background

เขาได้ถ่ายภานนี้ระหว่างที่เขากำลังเล่นสกีอยู่กับผู้ช่วย แล้วเขานำรูปไปโพสที่เว็บ http://500px.com/ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาทาง Apple ได้ติดต่อกับเขาเพื่อของใช้ลิขสิทธิรูปของเขาโดยตกลงใช้แบบ “non-broadcast use” หลังจากนั้นไม่นานทาง Apple ก็เปลี่ยนสัญญาเป็นแบบสามารถใช้แบบ “broadcast use” ซึ่งอาจทำให้เขาเป็นเศรษฐีได้เลยที่เดีย

ภาพ: ด้านซ้ายคือภาพต้นฉบับ ขาวมือคือภาพที่ Apple ใช้เป็นพื่นหลัง
iphon6bg

……………………………….
ที่มา: 9to5mac.com/ และ businessinsider.com.au

เปิดราคา iphone 6 ของแต่ละประเทศที่เปิดขายกลุ่มแรก

Posted: 12 Sep 2014 05:58 PM PDT

หากว่าเพื่อนๆ กำลังตัดสินใจที่จะซื้อ iphone 6 หรือ iphone 6 plus วันทางทีมงานมีข้อมูลราคาขาย iphone 6 และ iphone 6 plus ของแต่ละประเทศมาให้เพื่อนได้ดู และตัดสินใจกัน ซึ่งราคานี้ยังไม่รวมภาษีของแต่ละประเทศ

จากตาราง จะเห็นได้ว่าประเทศยีปุ่นได้ซื้อ iphone 6 และ iphone 6 plus ได้ถูกที่สุด ส่วนประเทศที่ซื้อ iphone แพงที่สุดคือประเทศฝรั่งเศษ

iphone 6 pirec t1

ข้อมูลจากตาราง เมื่อแปลงเป็นค่าเงินบาทไทย (ยังไม่รวมภาษี)

Uniited State
iphone 6 iphone 6 Plus
16GB 649×32.23= 20917.27 บาท 749×32.23= 24140.27 บาท
64GB 749×23.23= 24140.27 บาท 849×32.23= 27363.27 บาท
128GB 849×32.23= 27363.27 บาท 949×32.23= 30586.27 บาท

และในวันที่ 26 กันยายนนี้ Apple ก็จะเปิดขายในประเทศกลุ่มที่สอง


ที่มา: http://www.iclarified.com/

Apple เผยประเทศที่จะเปิดขาย iphone 6 รอบสอง ยังไม่มีไทย

Posted: 12 Sep 2014 09:40 AM PDT

หลังจากที่ apple ได้เปิดตัว iPhone 6 และ iPhone 6 plus ไปแล้วในวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา และได้เปิดเผยรายชื่อกลุ่มแรกที่จะเปิดขาย 9 ประเทศ ในรอบสองนี้ หลังจากที่มีการคาดคะแนกันว่าประเทศไทยจะจัดอยู่ในกลุ่มรอบสองที่มีโอกาศเป็นเจ้าของ iphone 6 และ iphone 6 plus นั้น ทำเอานักวิเคราะห์เงิบไปตามๆกัน เรียกได้ว่า หักปากาเซียนกันเลยที่เดียว

ซึ่งทาง Apple ได้เผยประเทศที่จะเปิดขาย iPhone 6 และ iPhone 6 plus ในกลุ่มที่สองแล้ว ซึ่งจะเปิดในวันที่ 26 กันยายน นี้โดยจะมีประเทศทั้งหมด 17 ประเทศเลย

iphone-price

ประเทศที่จะเปิดรอบสอง มีดังต่อไปนี้:
● Austria
● Belgium
● Denmark
● Finland
● Ireland
● Italy
● Luxembourg
● Netherlands
● New Zealand
● Norway
● Portugal
● Russia
● Spain
● Sweden
● Switzerland
● Taiwan
● Turkey

และอาจจะมีอีกหนึ่งประเทศคือ UAE ซึ่งจะเปิดในวันที่ 27 กันยายน ช้าไป 1 วัน

สำหรับพี่น้องชาวไทยที่รอกันอยู่คงต้องรอกันต่อไป หลังจากที่รอมานานแล้วรออีกหน่อยคงไม่เป็นไร


ที่มา: http://www.iclarified.com/

โปรแกรมสแกนไวรัส ดีที่สุด 9 อันดับ 2014 ฟรี ดาวน์โหลด

Posted: 12 Sep 2014 07:46 AM PDT

โปรแกรมสแกนไวรัส ฟรีที่ดีที่สุด 9 โปรแกรม วันนี้ทางเว็บ ineedtoknow จะมาแนะนำโปรแกรมสแกนไวรัสให้เพื่อนๆ ได้โหลดใช้กันแบบฟรีๆ โดยที่เไม่ต้องมาลำบากนั่งแคร็กโปรแกรม แคร็กโปรแกรมแล้วอาจจะได้อะไรเป็นของแถมติดมากับเครื่องก้ไม่รู้ วันนี้ Admin Moment เลยจัดมาให้โปรแกรมสแกนไวรัส ที่เขาแจกฟรี ที่ดีที่สุด 5 โปรแกรม ดังนี้

1. Avast Free Antivirus

download_button_antiAvast Free Antivirus โปรแกรมสแกนไวรัสฟรี ดีที่สุดติดต่อกันมาหลายปีและเป็นที่นิยมกันทั่วโลกก็ว่าได้เลยที่เดียว

โปรแกรมนี้ติดตั้งง่าย รูปร่างคำสั่งภายในโปรแกรมใช้และเข้าใจได้ง่าย มีการสแกนที่รวดเร็วและเวลาที่โปรแกรมสแกนใช้ทรัพยากรเครื่องน้อย คำแนะนำเวลาสแกนควรสแกนทีละ drive เพื่อประสิทธิภาพการทำงานของโปรแกรมได้สูงสุด
Avast Free Antivirus

2. Panda Cloud Antivirus Free

download_button_anti Panda Cloud Antivirus จะมีฟังชั่นใหม่ชื่อว่า
“USB Vaccine” ฟังชั่นนี้จะลดความเสียงของไวรัส malware ที่มากับ USB drive.

เมื่อเร็วๆ นี้ ทาง Panda Cloud Antivirus ได้ปล่อยเวอร์ชั่นใหม่ 3.0 ที่มีรูปร่างหน้าตาใหม่ เพิ่มความสามารถในการตั้งเวลาสแกนไวรัสและสแกน usb แบบออโต้ นอกจากนี้ยังมีความสารถมารถป้องกัน 100% malware พื้นฐานที่มีอยู่ปัจจุบันอีกด้วย
Panda Cloud Antivirus Free

3. ZoneAlarm Free Antivirus + Firewall

download_button_anti ZoneAlarm Free Antivirus + Firewall จะอัพเดทข้อมูลไวรัสที่มาใหม่ทุกๆวันสำหรับเวอร์ชั่นฟรี (อัพเดทข้อมูลไวรัสทุกๆชั่วโมงสำหรับเวอร์ชั่นจ่ายตัง) ซึ่งจะทำให้ตัว ZoneAlarm Free Antivirus พร้อมรับมือจากภัยคุกคามจากไวรัสตัวใหม่ๆ ได้รวดเร็ว

โปรแกรมสแกนไวรัส ZoneAlarm จะมีฟังชั่นไฟร์วอลล์ (firewall) และ ฟังชั่นป้องกันเวลาเข้าเว็บผ่านเบราเซอร์ (browsing protect) เป็นลูกเล่นให้ได้ใช้งานกัน สำหรับการตั้งค่าตัวโปรแกรมสแกนไวรัส ZoneAlarm ก็ทำได้ง่ายๆ ไม่เกิน 10 ปุ่มคำสั่ง
ZoneAlarm Free Antivirus

4. Avira Free Antivirus

download_button_anti โปรแกรม Avira Free Antivirus เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมสแกนไวรัสที่ดีตัวหนึ่ง โปรแกรมสแกนไวรัส Avira มีคนทั่วโลกดาวน์โหลดไปแล้วถึง 300 ล้านครั้ง โดยจะมีฟังชั่น Avira ให้เลือกอีกด้วยตอนที่ติดตั้งเพื่อช่วยป้องกันไวรัสที่จะเข้ามาทางเบราเซอร์ และ Avira Toolbar จะทำการบล็อกโฆษณาต่างที่หน้าเว็บ

ในเวลาที่ใช้โปรแกรม Avira Antivirus สแกนจะใช้ทรัพยากรเครื่องมากกว่าโปรแกรมอื่นไม่ควรจะเปิดหลายโปรแกรมเวลาสแกน

Avira Free Antivirus

5. Bitdefender Antivirus Free Edition

download_button_antiตัวโปรแกรม Bitdefender ถือว่าเป็นโปรแกรมสแกนไวรัสที่ได้รับความนิยมทั่วโลกด้วยฟังชั่นที่ครบครัน หน้าตาโปรแกรมอาจจะดูธรรมดาๆ โปรแกรมจะสามารถปรับให้สแกนตามความต้องการของผู้ใช้หรือทำงานแบบออโต้ได้
Bitdefender Antivirus Free Edition

6. AVG Free Antivirus

download_button_antiโปรแกรมสแกนไวรัส AVG จะมีความสามารถโดดเด่นทางด้าน สแกนตัวไวรัส สแกนอีเมล์ สแกนลิงค์ ปกกันทางการออนไลน์ผ่านเว็บไซด์
AVG Free Antivirus

7. Emsisoft Emergency Kit

download_button_antiโปรแกรมสแกนไวรัส Emsisoft Emergency Kit สามารถรันโดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม เอาไว้ใช้เป็นตัวสำรองของโปรแกรมสแกนไวรัสหลัก เพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้นนั่นเอง
Emsisoft Emergency Kit

8. FortiNet FortiClient

download_button_anti หน้าตาโปรแกรมง่ายที่จะตั้งค่า มีความสามารถป้องกันไวรัส และตั้งค่าบล็อคไฟร์วอล
FortiNet FortiClient

9. 360 Internet Security

download_button_anti 360 Internet Security เปลี่ยนชื่อมาจากโปรแกรม Qihoo ที่ประสบณ์ความสำเร็จโปรแกรมหนึ่งของจีน 360 Internet Security จะมีความสามารถโดดเด่นทางด้านการป้องกันทางออนไลน์ บล็อก malicious websites
360 Internet Security

เป็นไงกันบ้างครับ เพื่อนสามารถเลือกใช้ โปรแกรมสแกนไวรัส ที่เหมาะสมกับการใช้งานของเพื่อนๆ ได้เลยครับ


เรียบเรียงจาก: http://www.techradar.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น